วิธีดูแลรักษา ริ้วรอย ร่องแก้ม แก้มหย่อนคล้อย

วิธีดูแลรักษา ริ้วรอย  วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของริ้วรอย ที่หลายๆคนกำลังอาจจะเคลียดอยู่ เชื่อว่าหลายคนก็มักจะเป็นกัน นั่นก็คือริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม หรือที่หลายๆคนรู้จักกันนั่นก็คือ ร่องน้ำหมาก ทางด้านของริ้วรอยนั้นจะเกิดขึ้นกับบริเวณที่มีคอลลาเจนลดลง ยิ่งน้อยลงทำจนทำผิวของเราบางเนี่ยจะทำให้บริเวณนั้นเห็นริ้วรอยชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ถ้าหากว่าเราเทียบกับใบหน้าริ้วรอยของเราจะมาเร็ว เช่นบริเวณที่เป้นร่องแก้ม รอบดวงตา หรือแม้แต่บริเวณหน้าผากก็ตาม และในวันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีป้องกัน และก็วิธีลดเลือนริ้วรอย ด้วยนะคะ รวมไปถึงการแนะนำเกี่ยวกับสกินแคร์ ด้วย ว่าจะต้องใช้อะไร ที่จะเป็นแนวทางในการช่วยในการชะลอการเกิดริ้วรอยหรือว่าการลดริ้วรอย ที่เป้นร่องตื้นของเราให้ลดจางลง ได้เร็วยิ่งขึ้น

วิธีป้องกันหรือลดเลือนริ้วรอย

เราจะเลือกใช้สกินแคร์หรือตัวบำรุงที่อยู่ในกลุ่ม Anti-Aging Skincare จะเป็นการช่วยป้องกันตรงนี้ได้ แอดมินขอย้ำนะว่าควรที่จะใช้ให้ต่อเนื่องและก็ควรใช้ให้นานพอ เพราะว่าตรงนี้มันจะใช้เวลานิดนึงคะ คือประมาณ 6-12 สัปดาห์ ขึ้นไปนะคะ ถึงจะเห็นผลแตกต่างกันอย่างชัดเจน

แนะนำสกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ที่ผิว ทำการผลัดผิวได้อย่างอ่อนโยนนะคะ รวมไปถึงการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว หรือผิวสามารถเก็บกักความชุ่มชื้นได้ และเสริมเกาะป้องกันผิว ของเราให้แข็งแรงด้วยนะคะ เพราะสิ่งเหล่านี้เนี่ยเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อผิว

 

การบำรุงเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ จะต้องปรับพฤติกรรมร่วมด้วย

 การดื่มน้ำให้มากพอ การนอนให้เพียงพอ และมีคุณภาพ กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดปริมาณน้ำตาลให้น้อยลง นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการทาครีมกันแดดด้วย ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นเลย ซึ่งแอดมินก็ย้ำอยู่บ่อย ๆ เรื่องของการทาครีมกันแดด

 หลายคนจะเลือกการกินอาหาร ถ้าหากว่าอยากที่จะเซพตังไปด้วย แอดมินขอแนะนำว่าเลือกกินอาหารที่มีสารต้ามอนุมูลอิสระ  huaydee   เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มันจะจำเป็นต่อร่างกายของเรา แล้วก็ชะลอการเกิดริ้วรอยของเราได้ด้วยคะ เพราะว่าเรานั้นมีอายุเพิ่มขึ้นในหนึ่งปี แต่สิ่งที่ถอยหลังลงสวนกับอายุของเราก็คือคอลลาเจนที่ผิวของเรา

โดยจะลดประมาณ 1% ในทุกๆปี และมันจะค่อยๆชัดขึ้น ชัดขึ้น เรื่อยๆ แล้วจึงเกิดเป็นริ้วรอย นั่นก็เพราะว่าอีลาสตินใต้ผิวของเราถูกทำลายรวมไปถึงผิวของเราขาด ความชุ่มชื้นด้วย ทำให้ผิวของเรา บางลงอย่างต่อเนื่อง จึงปรากฏเป็นเส้นริ้วๆ ขึ้นมาโดยมีความย่นของผิว นั่นแหละคะที่เราเรียกว่าริ้วรอย

 

โรคที่ทำให้คุณเหนื่อยง่าย

โรคที่ทำให้คุณเหนื่อยง่าย หลายคนก็บอกว่าตัวเองนั้นเหนื่อยง่ายทำอะไรก็เหนื่อยเดินขึ้นบนไดสองชั้นก็เหนื่อยแล้วและก็เกิดความกังวลว่าตนเองนั้นจะเป็นโรคร้ายแรงหรือเปล่า ดังนั้นเราก็ได้รวบรวมมาให้โรคที่จะทำให้คุณเหนื่อยง่าย

สำหรับโรคแรก ก็คือ โรคหอบหืด โรคนี้ถือได้ว่าเป็นโรคที่พบได้บ่อยเลยไม่ว่าจะเป็นเด็หรือผู้ใหญ่ก็พบได้โรคนี้มันได้เกิดขึ้นการที่หลอดลมหัวใจของเราตีบแคบลง เมื่อหลอดลมตีบแคบลงก็จะทำให้ออกซิเจนในปอดของเราน้อยลงเพราะว่าออกซิเจนของเราต่ำลงก็จะทำให้เราเหนื่อยมากขึ้นทำให้เราออกแรงอะไรก็เหนื่อย

ซึ่งก็จะถูกกระตุ้นไปด้วยปัจจัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควันเกสรดอกไม้ขนสัตว์หรือว่าจะเกิดจากการติดเชื้อหวัดอย่างนี้ก็ได้หรือว่าเกิดจากการที่เราออกแรงเยอะๆก็ได้ก็จะส่งผลกระตุ้นทำให้ตัวหอบหืดเป็นมากขึ้นแล้วก็หลอดลมตีบทำให้เราเหนื่อยมากยิ่งขึ้นก็ลองสังเกตอาการตนเองดูว่าใครที่อยู่ออกแรงแล้วอยู่ๆมันเหนื่อยง่ายจังเลย

เมื่อมีอาการเหนื่อยง่ายก็สังเกตอาการของเสียงหายใจจะมีเสี่ยงวิ้งในหูเพราะว่าเวลาที่หลอดลมของเราตีบมันก็จะทำให้เวลาที่เราหายใจแคบลงมันก็จะมีเสียงออกมาถ้าใครหายใจเป็นเสียงวีดขึ้นมาอันนี้ก็จะเป็นตัวบ่งบอกแล้วว่าคุณอาจจะเป็นโรคหอบหืดแล้วก็ได้

ดังนั้นหากคุณมีอาการเหนื่อยแล้วก็วีดแบบนี้ให้คุณรีบไปโรงพยาบาลคุณหมอจะทำการพ่นยาขยายหลอดลมให้ก็จะทำให้เราหายเหนื่อยนั่นเองอย่าไปรีรอเพราะว่าโรคนี้ก็มีความอันตรายเช่นเดียวกันควรจะปรึกษาแพทย์และควรรับยารักษากันต่อไป

โรคที่สอง ก็คือ โรคปอดอักเสบ โรคนี้เกิดจากการที่ปอดของเรามีการติดเชื้อหรือว่าจะเป็นเชื้อไวรัสหรือว่าเชื้อแบตทีเรียก็ได้มันก็จะทำให้ปอดของเราอักเสบมากขึ้นๆ 

เพราะฉะนั้นแล้วหากปอดเกิดการอักเสบก็จะทำให้ออกซิเจนต่างๆเข้าไปในปอดแล้วแลกเปลี่ยนการ์ดออกซิเจนไม่ได้คือออกซิเจนมันเข้าไปในร่างกายได้น้อยลงนั่นเองก็จะทำให้เราหอบหืดหรือว่าเหนื่อยมากขึ้นนั่นเอง

สำหรับโรคปอดอักเสบจะมีอาการอะไรบ้างก็จะมีอาการ ไข้ ไอ แล้วก็ หอบเหนื่อย ยังไงก็สังเกตอาการของตัวเองดูบางทีคนเป็นไข้ขึ้นสูงมากเลยไอออกมาแต่ละทีเสมหะออกมาเป็นสีเขียวเยอะมากแล้วก็เริ่มมีอาการหอบเหนื่อยมากขึ้นจากการที่เราไม่ได้เหนื่อยอะไรเลยแล้วอยู่ๆทำไมมันเหนื่อยและหอบมากขึ้น

อันนี้ให้รีบไปโรงพยาบาลทันทียิ่งใครที่มีอายุเยอะๆ50-60ปีขึ้นไปให้รีบไปโรงพยาบาลคุณหมอก็จะรีบให้ยาฆ่าเชื้อและให้ออกซิเจนให้เราหายใจจะได่หายเหนื่อย

 

สนับสนุนโดย.    aesexy

น้ำดื่มต้องห้ามเป็นเบาหวานห้ามกิน

เบาหวานห้ามกิน โดยโรคเบาหวานเกิดจากการที่ร่างกายของเราผลิตฮอร์โมนอินซูลินออกมาได้น้อยลงหรือว่าร่างกายของอเราไม่ผลิตเลยก็จะส่งผลทำให้ร่างกายของเรามีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นๆจนกลายเป็นโรคเบาหวานขึ้นนั่นเองดังนั้นคนที่เป้ฯโรคเบาหวานควรที่จะจำกัดอาหารหรือว่าเครื่องดื่มอะไรต่างๆที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลสูงและจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้

ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำน้ำดื่มหากคนที่เป็นเบาหวานดื่มเข้าไปแล้วดื่มเข้าไปน้ำตาลพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอนเดี๋ยวตามไปดูกันว่าน้ำดื่มนั้นมันมีอะไรบ้าง น้ำชนิดแรก็คือ น้ำชา พวกน้ำชาที่มีขายตามร้านสะดวกซื้อไม่ว่าจะเป็นชาเขียวชาไทยหรือชามะนาว

โดยน้ำชาพวกนี้จะมีส่วนประกอบของน้ำตาลสูงมากๆโดยหนึ่งขวดก็จะมีส่วนประกอบของน้ำตาลประมาณ30-50กรัมเลยทีเดียวหรือว่าพูดง่ายก็คือ8-12ช้อนชาโดยปกติแล้วคนที่เป็นเบาหวานก็จะไม่แนะนำในแต่ละวันไม่ควรจะบริโภคน้ำตาลเกิน24กรัมหรือว่า6ช้อนชา

เพราะฉะนั้นแล้วถ้าคนที่เป็นเบาหวานซื้อน้ำชามากินขวดนึงก็เกินไปเยอะแล้วก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณพุ่งสูงขึ้นเลยที่เดียวดังนั้นแนะนำว่าให้หลีกเสี่ยงการดื่มน้ำชาที่เป็นขวดๆแบบนี้หรือว่าอาจจะต้องดูสูตรที่มันมีน้ำตาลน้อยหรือว่าไม่มีน้ำตาลนั่นเองก็จะส่งผลทำให้น้ำตาลในเลือดของคุรดีขึ้นนั่นเอง

สำหรับน้ำชนิดที่สองก็คือ น้ำผลไม้ หลายคนไม่รู้คนที่เป็นเบาหวานปกติก็จะดื่มน้ำผลไม้กันเป็นประจำอันนี้ไม่ได้เพราะว่าน้ำผลไม้ต้องบอกเลยว่าน้ำตาลสูงมากเช่นกันเพราะว่ากว่าที่เราจะคั้นน้ำผลไม้ออกมาได้แต่ละแก้วต้องใช้ผลไม้ประมาณ5-6ผลเลยทีเดียว

ซึ่งเราจะยกตัวอย่างน้ำส้มแล้วกันกว่าเราจะได้น้ำส้มออกมาหนึ่งแก้วจะต้องใช้ผลส้มประมาณ5-6ลูกดังนั้นการดื่มน้ำส้มหนึ่งแก้วก็จะเท่ากับเรารับประทานผลส้มเข้าไปประมาณ5-6ผลด้วยกันก็จะทำให้น้ำตาลพุ่งสูงเช่นกันและยิ่งเราไปทานตามร้านเขาก็อาจจะผสมน้ำเชื่อมด้วยอันนี้หนักเลยดังนั้นแนะนำว่าถ้าจะรับประทานผลไม้สำหรับคนที่เป็นเบาหวานให้ทานเป็นผลสดจะดีมากกว่า

สำหรับน้ำชนิดที่ สาม ก็คือ น้ำเกลือแร่และเครื่องดื่มชูกำลัง หลายคนไม่รู้ว่าเครื่องดื่มพวกนี้มีน้ำตาลสูงมากๆเลยบางคนคิดว่าน้ำเกลือแร่มันอาจจะมีแค่ส่วนประกอบของเกลือเพียงแค่อย่างเดียวเกลือแร่อย่างเดียวมันไม่ใช่นะมันจะมีส่วนประกอบของน้ำตาลเช่นกันไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มชูกำลังหรือว่าน้ำเกลือแร่ที่เป็นขวดๆในหนึ่งขวดจะมีน้ำตาบประมาณ25-30กรัมเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.    huaydee

อาหารที่อันตรายกว่าน้ำตาล10เท่า

สำหรับเรื่องของน้ำตาลถ้าใครเคยฟังมาแล้วก็มักจะได้ยินอยู่แล้วว่าน้ำตาลเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาที่สุดแต่ก็ต้องบอกว่าจริงๆแล้วอีหลายอย่างที่น่ากลัวไม่แพ้หรือกระทั่งน่ากลัวมากกว่าน้ำตาลเยอะมากๆแล้วเราทานแบบไม่รู้ตัวเลยว่ามันน่ากลัวจริงๆแล้วถ้าการที่เราทาน้ำตาลมากๆ

สิ่งที่เราจะเป็นก็คือเบาหวานไขมันความดันโรคหลอดเลือดสมองโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นได้หมดทุกอย่างเลยแต่คราวนี้อาหารที่เราจะนำเอามาบอกตอนนี้แล้วถ้าคุณอ่านมันจนจบแล้วคุณจะรู้สึกว่ามันน่ากลัวกว่าน้ำตาลเยอะมากๆ

โดยปกติแล้วถ้าเราให้ความน่ากลัวที่100แต้มน้ำตาลจะมีความน่ากลัวประมาณ60-70แต้มนี้มาจากไหนจะมาจากแต้มที่มีชื่อว่าไกลซีมิกอินเด็กซ์ค่าไกลซีมิกอินเด็กซ์เป็นค่าที่บ่งบอกว่าอาหารชนิดไหนที่เรากินเข้าไปแล้วจจะทำให้น้ำตาลพุ่งสูงขึ้นมาเร็วมากๆ

เมื่อน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเร็วๆมากๆและสิ่งที่จะพุ่งขึ้นตามมาก็คืออินซูลินและเมื่อไหร่ก็ตามที่อินซูลินสูงร่างกายจะเก็บเอาไขมันเป็นรอบเอวรอบพุงทำให้เสี่ยงเกิดเป็นโรคเบาหวานไขมันความดันโลหิตสุงเยอะแยะไปหมดเลยซึ่งน้ำตาลมีค่าไกลซีมิกอินเด็กซ์ประมาณค่า60-70เท่านั้นเองแต่อาหารที่เราจะมาบอกมีค่าไกลซีมิกอินเด็กซ์ที่สูงกว่าน้ำตาลแบบเยอะมากๆ

อาหารชนิดที่หนึ่ง ก็คือเรื่องของพวก ซีเรียลอาหารเช้าต่างๆ นั่นเอง ซีเรียลอาหารเช้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นคอนเฟลกโดยเฉพาะคอนเฟลกที่เคลือบน้ำตาบเคลือบช็อกโกแลตที่กินหวานๆแล้วอร่อยพวกข้าวพองหวานๆหรือว่าจะเป็นกราโนล่าที่เคลือบน้ำตาลเยอะๆหรือว่าใส่พวกผลไม้แห้งเยอะมากๆ

ซึ่งกินแล้วมันสดชื่นใช่ไหมก็เพราะว่ามันหวานไงน้ำตาลมันเป็นคาร์โบไฮเดรตเวลากินแล้วมันจะสดชื่นดังนั้นพวกกราโนล่าต่างๆที่ผสมน้ำตาลต่างๆหรือไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้งหรืออะไรพวกนี้จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเร็วมากๆและมีไกลซีมิกอินเด็กซ์ประมาณสัก80-90เลย

ในกลุ่มพวกคอนเฟลกที่เราชอบทานกันถามว่ามันเร็วไหมมันเร็วไหมมันสะดวกไหมมันสะดวกแต่ว่ามันทำให้ร่างกายเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ถ้าเรากินระยะเวลายาวนานเหมือนกินทุกกๆวันให้คิดดูสิว่าอาหารตอนเช้าที่เราเลือกกินมันต้องรีบเพราะว่าชีวิตในปัจจุบันนี้มันรีบเร่งและอาหารที่เรากินคืออะไรคอนเฟลกโกโก้ร้อนกาแฟทีอินวันคือทุกอย่างมันมีน้ำตาลผสมแล้วก็ทุกอย่างนั้นมันมีไกลซีมิกอินเด็กซ์สูงหรือว่าจะเป็นขนมปังทาแยมก็จะมีแต่คาร์โบไฮเดรตล้วนๆอันตรายมากๆ

 

สนับสนุนโดย.  3 ตัว บาทละ 1000

ลดไขมันเดินหรือวิ่งออกยังไงดีกว่ากัน

สำหรับคนที่อยากจะลดไขมันหน้าท้อง ลดไขมันเดินหรือวิ่ง หรือบางคนอยากที่จะลดไขมันทั้งตัวแต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องออกกำลังกายอย่างไรมีความคิดว่าออกไปวิ่งดีกว่าเผื่อจะได้ลดไขมันหรือบางทีแบบว่าศึกษาข้อมูลมาแล้วจริงๆ ไม่ต้องไปวิ่งก็ได้หรืออาจจะเดินเดินชันแบบนี้แล้วตกลงว่าการคาดิโอแบบไหน มันเป็นการลดไขมันได้ดีกว่ากัน 

ซึ่งจริงๆแล้วการ Cardio มันสามารถลดลงได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหรือจะเดินจะวิ่งสปรินท์วิ่งโซน 3 โซน 4ในทุกๆโซนสามารถลดไขมันได้ทั้งนั้น มันไม่มีว่าโซนไหนดีที่สุดโซน 2 ดีที่สุดโซน 4 ก็ลดไขมันได้ถ้าเรารู้จักจัดโปรแกรมรู้หลักว่าโปรแกรมนี้มันถูกออกแบบมายังไงและใช้เวลามากเวลาน้อย

โดยที่เราจะนำมาบอกต่อไปนี้จะได้ไม่ต้องใช้เวลาเยอะมากจะเป็นโซน 1 กับโซน 2 เราก็จะแนะนำอย่างนี้ว่าสำหรับเราเคยลดน้ำหนักมาจาก120กิโลกรัมจนลดมาเหลือ80กิโลต้นๆก็พอจะเข้าใจบางคนที่บางที อยากจะลดน้ำหนักแต่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน 

ซึ่ง  หวยออนไลน์บาทละ 1000  บางคนก็มีน้ำหนักตัวที่เยอะลงพุงลงขาและเวลาที่จะออกไปวิ่งมันจะเกิดอะไรขึ้น  ในขณะที่เรากำลังวิ่งซี่โครงเกิดอาการรู้สึกเจ็บขึ้นมาวิ่งจนรู้สึกขามีความรู้สึกเจ็บหัวเข่าเจ็บต้นขาเจ็บข้อเท้าเพราะว่ากล้ามเนื้อไม่เคยได้รับน้ำหนักตัวแล้วอยู่ดีๆเราเกิดออกไปวิ่งอย่างเต็มแรงเลยการวิ่งของเรามันอาจจะยังไม่ได้ถูกต้องแต่อย่างใด 

เพราะฉะนั้นแล้วเราขอแนะนำหากคุณเป็นคนที่พึ่งเริ่มต้นที่จะออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักเยอะไขมันเยอะให้คุณลองเริ่มเดินก่อนเริ่มจากเดินเร็วเร็วก่อนแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคนนั้นจะต้องใช้เวลาในการเดินประมาณเท่าไหร่ 

ก่อนอื่นเลยว่าต้องบอกแบบนี้การเดินนั้นมันต้องใช้พลังงานจากไขมันเป็นหลักเพราะว่าพลังงานจากไขมันมันไม่ได้ถูกใช้ในทันที เหมือนเวลาที่เราออกไปวิ่งใครเคยเห็นนักวิ่งสเปนพี่เขาพอมาถึงสนามก็จะต้องวิ่งสับแบบจังหวะไวๆแบบนั้นพลังงานของเขามันจะมาจากไกลโคเจนที่มันได้สะสมอยู่กล้ามเนื้อพวกแป้งพวกน้ำตาลที่เราได้กินเข้าไปนั้นมันจะดึงพลังงานจากตรงนั้นเอามาใช้ได้เร็วกว่า 

ถ้าเกิดการเดินหรือการวิ่งไปเรื่อยๆหรือว่าเดินเร็วๆเราจะใช้พลังงานจากไขมันอาจจะประมาณ 70 ถึง 80 แคลอรี่ที่มันได้ถูกเบิร์นออกไปแต่ทีนี้ในการเดินเร็วมันอาจจะต้องใช้ระยะเวลาเยอะสักเล็กน้อยอาจจะเริ่มต้นที่คนที่อยากจะลดไขมันเราแนะนำว่าควรที่จะเดินสักประมาณ 45 นาที ถึง 60 นาทีต่อวัน

หลีกเลี่ยงจุดต่อไปนี้เพื่อลดความเสี่ยง การติดเชื้อไวรัส

          การติดเชื้อไวรัส เชื่อว่าหลายคนคงรู้ว่าไวรัส covid นั้นระบาดและมีการติดต่อกันอย่างไรบ้างซึ่งแน่นอนว่าส่วนหนึ่งนั้นเกิดจากการที่เราอาจจะไปสัมผัสโดนเชื้อโดยตรงจากของเหลวของผู้ที่ติดเชื้อเช่นอาจจะได้รับของเหลวมาจากการไอและจามของผู้ที่ติดเชื้อซึ่งเบื้องต้นนั้นเราก็จะมีวิธีการป้องกันด้วยการใส่หน้ากากอนามัย

แต่การติดเชื้อไวรัสปัจจุบันนั้นนอกจากที่เราใส่หน้ากากอนามัยแล้วก็อาจจะได้รับเชื้อมาจากการที่เราไปจับหรือสัมผัสสิ่งของต่างๆได้ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าสิ่งของอะไรบ้างที่เป็นจุดเสี่ยงที่โดยปกติแล้วถ้าหากแล้วอาจจะทำให้เราติดเชื้อไวรัสได้นั่นเอง

             ธนบัตรหรือเหรียญ  ปกติแล้วเรามักจะใช้เหรียญหรือธนบัตรในการซื้อสินค้าของเราจะมีการจ่ายเงินและเราจะมีการส่งเงินให้กับพนักงานซึ่งถ้าเกิดว่าของที่เราซื้อนั้นจะต้องมีการทอนเงินเราก็จะมีการจับเงินมาจากพนักงานซึ่งการหยิบจับส่งเงินกันไปมานี่เองที่อาจจะทำให้เราเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิคก็ได้

           เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้มีการปรับเงินนี้หรือไม่และถ้าหาคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิตจับเงินแล้วนำมาซื้อของก็จะทำให้เชื้อนั้นกระจายสู่คนอื่นได้เช่นกันดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือเมื่อเรามีการฝากเงินให้รีบใช้แอลกอฮอล์ล้างทำความสะอาดมือทันที

หรือไม่ถ้าเป็นไปได้ในช่วงเวลานี้คุณสามารถใช้เป็นการชำระเงินผ่านทางแอพพลิเคชั่นหรือการโอนเงินแทนจะเป็นการลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสจากการจับเงินไปซื้อของได้มากที่สุดนั่นเอง 

            การจับลูกบิดประตูหรือแม้แต่การจับเสาการจับราวบันได  รวมถึงการกดปุ่มลิฟท์อินต่างๆเหล่านี้ล้วนเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิตทั้งหมดซึ่งวิธีการที่เราจะสามารถหลีกเลี่ยงได้นั่นก็คือพยายามไม่จับไม่ว่าจะเป็นราวบันไดหรือแม้แต่เสาแต่ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้นั้น

ก็คือเมื่อเราจะเสร็จเรียบร้อยแล้วให้รีบไปเจอแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือทันทีหรือถ้าหากเป็นไปได้คุณสามารถพกถุงมือพลาสติกเพื่อใช้ในการจับสิ่งของต่างๆโดยที่มือของคุณนั้นจะได้ไม่ไปสัมผัสไม่ว่าจะเป็นปุ่มกดลิฟท์หรือแม้แต่ราวบันไดรวมถึงลูกบิดประตูคุณก็สามารถปรับได้โดยที่ไม่ต้องกลัวติดเชื้อเลย

                 สำหรับการสัมผัสจุดต่างๆที่อาจจะทำให้เกิดเชื้อไวรัส covid ได้นั้นเราสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยส่วนใหญ่แล้วให้เราพกแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือเอาไว้ทุกครั้งที่มีการปรับสัมผัสอะไรก็ให้รีบล้างทำความสะอาดมือหรือใช้เจลทำความสะอาดมือและที่สำคัญอย่าเอามือไปจับใบหน้าของเราอย่างเด็ดขาดเมื่อกลับมาถึงบ้านให้รีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเพียงเท่านี้เชื่อว่าคุณก็จะห่างไกลจากการติดเชื้อไวรัสโควิตอย่างแน่นอน

 

สนับสนุนโดย.  หวยดี

วิธีดูแลตนเองเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี 

สำหรับ ดูแลตนเองเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี  นั้นมีวิธีง่ายๆโดยไม่ลืมยากอะไรเลย ซึ่งคุณสามารถทำได้นั่นก็คือเริ่มด้วยการดื่มน้ำ ในปริมาณประมาณ 2 ลิตรด้วยกันต่อวัน หรือถ้าคิดง่ายๆก็คือการกินผ่านแก้วน้ำก็ประมาณวันละ 10 แก้วด้วยกันก็ได้เช่นกัน เพราะว่าน้ำนั้นจะไปช่วยในการควบคุมอุณหภูมิภายในร่างกายของเราให้ดีขึ้น 

นอกจากนั้นยังช่วยในการขับถ่ายสารพิษที่อยู่ภายในร่างกายของเรา ทำให้ระบบเผาผลาญของเราดียิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากนั้นแล้วมันยังเป็นการช่วย ทำให้ผิวหนังของคนเราชุ่มชื้นขึ้นได้จากการกินน้ำนี่แหละ และยังส่งผลทำให้ไตของร่างกายของเรานั้นทำงานได้ดียิ่งขึ้น 

คุณรู้หรือไม่ว่าการกินน้ำนั้นยังเป็นการช่วยควบคุมให้คุณอยากอาหารน้อยลง และยังส่งผลทำให้คุณรู้สึกสดชื่นมีพลังขึ้นมาได้ ถ้าหากคุณดื่มน้ำปริมาณที่เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ จะส่งผลทำให้การอยากกินอะไรที่มีแคลอรี่สูง ยกตัวอย่างเช่นน้ำหวานชาไข่มุกเป็นต้นลดลง 

นอกจากน้ำแล้วยังมีวิธีการรับประทานอาหารควบคู่ไปด้วยเพื่อทำให้ร่างกายของเรานั้นแข็งแรงขึ้นมาได้ ก่อนอื่นนั้นคุณควรที่จะต้องรู้ก่อนว่าภายใน 1 วันของเรานั้น ร่างกายของคนเราจำเป็นที่จะต้องใช้หรือต้องการพลังงานกี่แคลอรี่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้วผู้ชาย จะต้องการพลังงานมากถึง 2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวันกันเลยทีเดียว 

ส่วนทางด้านผู้หญิงก็จำเป็นที่จะต้องการประมาณ 1,600 กิโลแคลอรี่ต่อวันนั่นแหละ แต่ว่าถ้าหากเป็นกลุ่มคนอีกประเภทหนึ่งนั่นก็คือผู้ที่ทำงานค่อนข้างที่จะหนัก หรือแม้แต่พวกนักกีฬา ก็จำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นไปจากสิ่งเหล่านั้นอีก 

สำหรับคนที่ต้องการให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงควรที่จะรับประทานอาหารเช้า ที่มีโปรตีนและธัญพืชร่วมกัน ซึ่งนี่คืออาหารเช้าที่สมบูรณ์แบบและทำให้สุขภาพของคุณดียิ่งขึ้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทโดนัทหรืออาหารที่เป็นการทอด โดยส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นอาหารที่มีแคลอรี่สูงนั่นเอง 

อาหารที่ดีในการรับประทานควรจะเป็นไข่ผลไม้ หรือแม้แต่นม หรืออาจจะเป็น Serial ที่มีไฟเบอร์สูงก็ได้เช่นกัน ซึ่งคุณควรที่จะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในทุกมื้อของคุณเพื่อที่ทำให้ร่างกายของคุณนั้นแข็งแรงมากยิ่งขึ้น โดยสังเกตได้ว่าใน 1 จานของคุณนั้นจะต้องมีทั้งผัก และผลไม้ร่วมด้วยเหรอ โดยทั้งหมดนั้นผลรวมต่อที่ให้ครบทุกอย่าง 

ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนและ และอาหารที่มีไขมันต่ำและไขมันที่มันมีประโยชน์ โดยเฉพาะไขมันจากปลาแซลมอน หรือแม้แต่ปลาทูน่า นอกจากนั้นแล้วยังมีอะโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอกร่วมด้วย เราควรที่จะรับประทานอาหารให้ตรงเวลาโดยทุกๆ นอกจากนั้นแล้วไม่ควรรับประทานอาหาร 2-3 ชั่วโมงก่อนที่เราจะเข้านอน 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    เว็บหวย ไม่มี เลขเต็ม เลขปิด

ต้นเหตุของการเกิดโรคตับแข็งจากเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

โดยธรรมดาแล้วเยื่อตับสามารถซ่อมบำรุงตนเองได้ แม้กระนั้นหากเซลล์ได้รับความเสื่อมโทรมมากจนเกินไป การเกิดโรคตับแข็ง ก็จะแปลงเป็นเสมือนรอยแผลที่เป็นพังผืดถาวร นำมาซึ่งการทำให้ตับไม่สามารถที่จะดำเนินการได้อย่างมีคุณภาพ ความรู้ความเข้าใจของตับสำหรับการกำจัดสารเคมี และก็ยาต่าง ๆ ออกไปจากร่างกายต่ำลง ซึ่งอาจส่งผลให้กำเนิดสารที่เป็นพิษหรือสารอันตรายหลงเหลืออยู่ภายในร่างกาย

การวิเคราะห์ของโรคตับแข็งที่เกิดขึ้นมาจากเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์

หมอผู้ที่มีความเชี่ยวชาญโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับ จะถามเกี่ยวกับอาการแล้วก็บางทีอาจพิจารณาทางห้องทดลองดังนี้

– การวิเคราะห์เลือดรวมทั้งการทดลองลักษณะการทำงานของตับ

– การตรวจด้วยอัลตราซาวด์ หรือเอ๊กซเรย์ CT scan หรือ MRI

– การตรวจชิ้นเนื้อตับ 

 

การดูแลตัวเอง

ถึงแม้โรคตับแข็งจะมีวิธีที่รักษาได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกโรค หรือทุกคนจะหายเป็นปกติ การเกิดโรคตับแข็ง แม้กระนั้นคุณก็สามารถคุ้มครองปกป้องตนเองไม่ให้เกิดความทรุดโทรมเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ได้ โดยแนวทางที่ยอดเยี่ยมที่สุดเป็นการหยุดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งถ้าเกิดคุณพบว่ามันเกิดเรื่องยากที่จะหยุดดื่มก็ควรจะขอคำแนะนำหมอ

การคุ้มครองป้องกันตัวเองจากโรคตับแข็งที่เกิดขึ้นมาจากเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์

แนวทางที่เยี่ยมที่สุดการไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือจำกัดจำนวนแอลกอฮอล์ที่ดื่มโดยมีคำเสนอแนะดังต่อไปนี้

– สำหรับสาว ๆ ไม่สมควรดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ๆ เกิน 2-3 หน่วยของเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ต่อวัน

– หนุ่ม ๆ ไม่สมควรดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ๆ เกิน 3-4 หน่วยของเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ต่อวัน

 

แบบอย่างต่อแต่นี้ไปจะช่วยทำให้คุณทราบจำนวนแอลกอฮอล์ที่ดื่ม

– น้ำผลไม้ที่มีแอลกอฮอล์ 6% จำนวน 1 ไพน์ (568 มล.) ซึ่งคำนวณเป็นแอลกอฮอล์ 3.4 หน่วย

– เบียร์สดที่มีแอลกอฮอล์ 5% จำนวน 1 ไพน์ (568 มล.) ซึ่งคำนวณเป็นแอลกอฮอล์ 2.8 หน่วย 

– เหล้าองุ่นที่มีแอลกอฮอล์ 13% จำนวน 1 แก้วมาตรฐาน (175 มล.) ซึ่งคำนวณเป็นแอลกอฮอล์ 2.3 หน่วย

– เหล้าองุ่นที่มีแอลกอฮอล์ 12% จำนวน 1 แก้วขนาดใหญ่ (250 มล.) ซึ่งคำนวณเป็นแอลกอฮอล์ 3 หน่วย

– สุราที่มีแอลกอฮอล์ 40% จำนวน 1 หน่วยตวง (25 มล.) ซึ่งคำนวณเป็นแอลกอฮอล์ 1 หน่วย

การใช้ยารักษา

หมอสามารถให้ยาเพื่อช่วยทุเลาอาการบางสิ่งได้ อาทิเช่น ถ้าเกิดคุณมีความดันเลือดเส้นเลือดดำพอร์ทอลสูง คุณอาจจะได้รับยาลดการเสี่ยงของการมีเลือดไหล หรือถ้าเกิดมีลักษณะอาการบวมในท้อง บางทีหมออาจให้ยาขับปัสสาวะ เพื่อช่วยกำจัดน้ำออกไป

 

ศัลยกรรมผ่าตัด

การเปลี่ยนถ่ายตับจะเป็นลู่ทางสำหรับคนที่มีภาวการณ์ตับวาย ซึ่งแม้ได้รับการเปลี่ยนถ่ายตับคุณจะต้องหยุดดื่มแอลกอฮอล์ไปชั่วชีวิต

เมื่อเห็นเช่นนนี้แล้วก็ควรดูแลรักษาตัวเองให้ดี งดดื่มแอลกอฮอล์หากไม่จำเป็นหรือมีเหตุให้ต้องดื่ม เพื่อสุขภาพตับที่ดี

 

สนับสนุนโดย.  hiallbet

กินแบบไหน ไม่ดีต่อสุขภาพ

ในขณะนี้ผู้คนดำเนินชีวิตรีบร้อนกันเพิ่มมากขึ้น กินแบบไหน ไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่ค่อยมีเวลาสำหรับเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย ก็เลยเน้นย้ำเลือกทานอาหารที่สบาย เร็ว เพื่อย่นระยะเวลาสำหรับเพื่อการดำรงชีวิต แต่ว่าทราบไหมว่าของกินต่าง ๆ กลุ่มนี้ แม้กินในจำนวนมากบางทีอาจเกิดโทษต่อสุขภาพตามมาได้ วันนี้พวกเราจะพาทุกคนมารู้จักของกินที่ส่งผลเสียและเสี่ยงต่อการสูญเสียสุขภาพกัน

  1. ของกินทอด หรือปิ้ง-ย่าง

กินแบบไหน ไม่ดีต่อสุขภาพ ของกินปิ้ง-ย่าง เป็นของกินที่ใช้ความร้อนสูงจะสร้างสารอะคริลาไมด์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเป็นโรคมะเร็งต่าง ๆ ยิ่งกว่านั้นยังมีสารอันตรายที่เกิดขึ้นมาจากการทอด หรือปิ้ง-ย่างอีกหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่ สารไนโตรซามีน ที่ชอบซ่อนตัวอยู่ในปลาหมึกปิ้งและก็ปลาน้ำเค็มปิ้ง และก็ของกินจำนวนมากจะมีการผสมสารเติมแต่งรส ใส่ยากันบูด ดังเช่น เฟรนช์ฟราย โดนัท ไก่ทอด กล้วยทอด ขนมปาท่องโก๋ ฯลฯ

การเลือกกินอาหารชนิดนี้เสมอ ๆ จะก่อให้กำเนิดโรคต่าง ๆ ตามมา ยกตัวอย่างเช่น โรคอ้วน มะเร็ง ไขมันในเลือดสูง แล้วก็โรคเส้นโลหิตสมอง

  1. ของกินดัดแปลงและก็ของกินแช่แข็ง

ของกินชนิดดัดแปลงหรือแช่แข็ง และอาหารบรรจุกระป๋อง อาหารกึ่งสำเร็จพร้อมทานต่าง ๆ ของกินกลุ่มนี้จำต้องผ่านวิธีการต่ออายุของกินเพื่อเก็บไว้ทานได้นานขึ้น และก็การผสมสารเคมีที่ใช้สำหรับเพื่อการดัดแปลงของกิน อย่างสารกันเสีย และก็โซเดียมสูง นอกเหนือจากการที่จะมีสารเคมีแล้วของกินพวกนี้ไร้คุณประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างเช่น ไส้กรอก หมูแฮม อื่น ๆ อีกมากมาย

การเลือกทานอาหารจำพวกนี้บ่อย ๆ ทำให้เกิดโอกาสเสี่ยงโดยสามารถสะสมภายในร่างกายแล้วก็จะก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบประสาทศูนย์กลาง รวมทั้งทำให้ความจำสั่น ความจำไม่ดี ยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อมได้

  1. เครื่องดื่มพวกชา กาแฟ น้ำอัดลมรวมทั้งแอลกอฮอล์

– เครื่องดื่ม ดังเช่น ชา กาแฟ รวมทั้งน้ำอัดลม มักมีส่วนผสมของน้ำตาล โดยยิ่งไปกว่านั้นในน้ำอัดลมที่มีส่วนผสมของน้ำตาลค่อนข้างจะมากมาย ถ้าเกิดพวกเราดื่มเครื่องดื่มพวกนี้บ่อย ๆ อาจจะทำให้พวกเราได้รับพลังงานเยอะเกินไปในทุก ๆ วันได้ แล้วก็ยิ่งกว่านั้นยังเพิ่มช่องทางทำให้มีการเกิดโรคอ้วน เบาหวาน โรคไขมันเส้นโลหิตตามมาได้อีกด้วย

– เครื่องดื่มชนิดแอลกอฮอล์ เป็นเครื่องดื่มที่นอกเหนือจากการที่จะมีโทษต่อสภาพทางด้านร่างกายรวมทั้งตับแล้ว การดื่มแอลกอฮอล์ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานยังมีผลกระทบต่อระบบสมอง มีผลต่อระบบลักษณะการทำงานของสมอง แนวทางการทำงานของตับ แล้วก็ระบบการทำงานอื่น ๆ ของร่างกายได้

 

ซึ่งความประพฤติปฏิบัติการกินที่ไม่เหมาะสมพวกนี้ มีผลต่อร่างกาย เพราะเหตุว่านำไปสู่กรุ๊ปโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ตัวอย่างเช่น โรคเบาหวาน ภาวะความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมทั้งโรคมะเร็งได้ โดยลักษณะของโรคจะดำเนินไปอย่างช้า ๆ จะไม่เจ็บป่วยในทันทีทันใด แม้กระนั้นมันจะสะสมรวมทั้งป่วยไข้เรื้อรังสุดท้าย พวกเราจะต้องให้ความใส่ใจต่อการกินแล้วก็ลักษณะการทำงานของร่างกาย บริโภคแต่ว่าพออิ่ม เลือกรับประทานและก็บริหารร่างกายเป็นประจำ

 

สนับสนุนโดย    หวยออนไลน์ ไม่อั้นเลข

นอนท่าไหนจึงจะมีประสิทธิภาพ 

การนอน นับเป็นสิงที่สำคัญต่อสุขภาพร่างกาย เพราะการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ นอนท่าไหนจึงจะมีประสิทธิภาพ  จะช่วยให้ร่างกาย และอวัยวะต่าง ๆ ได้รับการพักผ่อนไปด้วย และยังเป็นผลดีต่อร่างกายของเราอีกด้วย แต่เชื่อว่าสมัยปัจจุบันนี้คนเราจำเป็นที่จะต้องใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต การทำงาน การเรียน ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้

อาจส่งผลให้เราเกิดการนอนหลับพักผ่อนนั้นไม่เพียงพอ และกลายเป็นว่าทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง และร่างกายอ่อนแอจนเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะยังไม่เราทุกคนก็ต้องใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองเป็นอย่างดี

นอนท่าไหนจึงจะมีประสิทธิภาพ   โดยเฉพาะการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนย่อส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย หรือส่งผลให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้ นอกจากนี้แล้ว จะนอนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ วันนี้เราจะมาแนะนำท่านอนที่หากเรานอนแล้วรับรองได้เลยว่า จะยิ่งส่งผลให้สุขภาพร่างกายของเรานั้นดี และระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดีมากขึ้น ทั้งยังทำให้ร่างกายได้รับพลังงานได้อย่างเต็มที่

ท่านอนหงาย เป็นท่าที่ได้รับความนิยม และยังเป็นท่านอนที่ดีที่สุด เพราะการนอนท่านี้ผลดีก็คือ หน้าของเราจะไม่ไปสัมผัสกับปลอกหมอนโดยตรง เพราะบางคนอาจบ่นอยู่บ่อย ๆ ว่าทำไมหน้าเราถึงเป็นสิวไม่หายสักที่ ซึ่งต้นเหตุของการเกิดสิวก็อาจมาจากการที่หน้าของเราไปสัมผัสกับปลอกหมอนนั่นเอง ท่านอนหงายนับเป็นที่นอนที่อาจส่งผลให้เรามีสุขภาพที่ดี และเป็นท่าที่ส่งผลให้เรานอนหลับได้ง่ายมากขึ้น ทำให้รู้สึกสบายมากกว่าท่าอื่น 

ท่านอนขดตัว ข้อดีของการนอนท่านี้ คือสามารถแก้ปัญหาอาการนอนกรนได้เป็นอย่างดี หากใครที่ชอบนอนกรม แนะนำให้นอนท่าขดตัว แต่ต้องหาหมอนมาเพื่อช่วยรับรองลำคอเพื่อให้เราสามารถหายใจได้สะดวกมากขึ้น และท่าเพื่อให้ได้ท่านอนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ท่านอนตะแคง การนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกสบาย จะช่วยจัดกระดูกของเราในระหว่างการนอนได้เป็นอย่างดี และช่วยลดความเสี่ยงต่อการหยุดหายใจในระหว่างการนอนหลับอีกด้วย การนอนท่านี้ เป็นท่านิได้รับความนิยมในบางคน เพราะบางคนอาจจะไม่ชอบการนอนท่านี้เพราะคิดว่าจะต้องรู้สึกปวดแขนอย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่า การนอนท่านี้ นอกจากจะช่วยในการจัดกระดูได้แล้ว ยังสามารถช่วยให้เราไม่รู้สึกปวดคอในขณะหลับ และยังเป็นท่าที่สงผลให้การนอนเต็มไปด้วยประสิทธิภาพอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย.    u12